การเลือกครีมกันแดดที่มี SPF (Sun Protection Factor) ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของผิว, ความเสี่ยงจากการเผชิญแดด, และกิจกรรมที่คุณจะทำ ต่อไปนี้คือคำแนะนำทั่วไปในการเลือก SPF สำหรับครีมกันแดด:
- ระดับการป้องกัน:
- SPF 15-30: เหมาะสำหรับการใช้งานประจำวันหรือหากคุณใช้เวลาในร่มมากกว่ากลางแจ้ง ให้การป้องกันที่ดีต่อรังสี UVB
- SPF 30-50: แนะนำสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีระยะเวลายาวนาน เช่น ไปหาดทรายหรือเล่นกีฬากลางแจ้ง ให้การป้องกันที่ดีขึ้น
- SPF 50 ขึ้นไป: เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือมีความเสี่ยงสูงต่อการเผชิญแดด หรือเมื่อคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงแดดแรง เช่น ที่เขาหรือทะเล
- ประเภทผิว:
- ผู้ที่มีผิวขาวหรือผิวที่ไวต่อแสงแดดควรเลือก SPF สูง (30-50 หรือสูงกว่า)
- ผู้ที่มีผิวค่อนข้างคล้ำหรือไม่ค่อยได้เผชิญกับปัญหาการไหม้จากแดด อาจเลือก SPF ที่ต่ำกว่า (15-30)
- กิจกรรมและสภาพแวดล้อม:
- อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน: ควรเลือก SPF 30 ขึ้นไป
- อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ: ควรเลือก SPF 50 ขึ้นไป
- อยู่ใต้แสงแดดจ้าเป็นเวลานาน: ควรเลือก SPF 50+
- การป้องกันรังสี UVA: นอกจาก SPF ที่ป้องกัน UVB แล้ว ควรเลือกครีมกันแดดที่มีการป้องกัน UVA (ที่มักจะมีป้ายกำกับว่า ‘Broad Spectrum’) เพื่อป้องกันผิวจากรังสี UVA ที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยและผิวแก่ก่อนวัย
โดยทั่วไปแล้ว SPF 30 นั้นเพียงพอสำหรับการปกป้องผิวจากแสงแดดในชีวิตประจำวัน แต่หากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรเลือก SPF 50 ขึ้นไป
นอกจากค่า SPF แล้ว ยังต้องเลือกครีมกันแดดที่มี
- ค่า PA: บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ
- PA++++: ป้องกันสูงสุด
- PA+++: ป้องกันสูง
- PA++: ป้องกันปานกลาง
- PA+: ป้องกันต่ำ
- ส่วนผสมกันน้ำ: เหมาะสำหรับการว่ายน้ำหรือเล่นกีฬา
- ส่วนผสมที่เหมาะกับผิว: เช่น สูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย สูตรสำหรับผิวแห้ง สูตรสำหรับผิวมัน
ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 15-30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังจากว่ายน้ำหรือเล่นกีฬา
ตัวอย่าง
- อยู่บ้าน: SPF 15-30
- ไปทำงาน: SPF 30-50
- ไปทะเล: SPF 50+ PA++++
- เล่นกีฬา: SPF 50+ กันน้ำ
โดยรวมแล้ว ควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวและสถานการณ์การใช้งานของคุณ และที่สำคัญคือการทาครีมกันแดดอย่างเพียงพอและทาซ้ำเป็นประจำ.