ครีมกันแดด เลือก SPF อย่างไร

ครีมกันแดด เลือก SPF อย่างไร

การเลือกครีมกันแดดที่มี SPF (Sun Protection Factor) ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของผิว, ความเสี่ยงจากการเผชิญแดด, และกิจกรรมที่คุณจะทำ ต่อไปนี้คือคำแนะนำทั่วไปในการเลือก SPF สำหรับครีมกันแดด:

  1. ระดับการป้องกัน:
    • SPF 15-30: เหมาะสำหรับการใช้งานประจำวันหรือหากคุณใช้เวลาในร่มมากกว่ากลางแจ้ง ให้การป้องกันที่ดีต่อรังสี UVB
    • SPF 30-50: แนะนำสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีระยะเวลายาวนาน เช่น ไปหาดทรายหรือเล่นกีฬากลางแจ้ง ให้การป้องกันที่ดีขึ้น
    • SPF 50 ขึ้นไป: เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือมีความเสี่ยงสูงต่อการเผชิญแดด หรือเมื่อคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงแดดแรง เช่น ที่เขาหรือทะเล
  2. ประเภทผิว:
    • ผู้ที่มีผิวขาวหรือผิวที่ไวต่อแสงแดดควรเลือก SPF สูง (30-50 หรือสูงกว่า)
    • ผู้ที่มีผิวค่อนข้างคล้ำหรือไม่ค่อยได้เผชิญกับปัญหาการไหม้จากแดด อาจเลือก SPF ที่ต่ำกว่า (15-30)
  3. กิจกรรมและสภาพแวดล้อม:
    • อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน: ควรเลือก SPF 30 ขึ้นไป
    • อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ: ควรเลือก SPF 50 ขึ้นไป
    • อยู่ใต้แสงแดดจ้าเป็นเวลานาน: ควรเลือก SPF 50+
  4. การป้องกันรังสี UVA: นอกจาก SPF ที่ป้องกัน UVB แล้ว ควรเลือกครีมกันแดดที่มีการป้องกัน UVA (ที่มักจะมีป้ายกำกับว่า ‘Broad Spectrum’) เพื่อป้องกันผิวจากรังสี UVA ที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยและผิวแก่ก่อนวัย

โดยทั่วไปแล้ว SPF 30 นั้นเพียงพอสำหรับการปกป้องผิวจากแสงแดดในชีวิตประจำวัน แต่หากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรเลือก SPF 50 ขึ้นไป

นอกจากค่า SPF แล้ว ยังต้องเลือกครีมกันแดดที่มี

  • ค่า PA: บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ
    • PA++++: ป้องกันสูงสุด
    • PA+++: ป้องกันสูง
    • PA++: ป้องกันปานกลาง
    • PA+: ป้องกันต่ำ
  • ส่วนผสมกันน้ำ: เหมาะสำหรับการว่ายน้ำหรือเล่นกีฬา
  • ส่วนผสมที่เหมาะกับผิว: เช่น สูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย สูตรสำหรับผิวแห้ง สูตรสำหรับผิวมัน

ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 15-30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังจากว่ายน้ำหรือเล่นกีฬา

ตัวอย่าง

  • อยู่บ้าน: SPF 15-30
  • ไปทำงาน: SPF 30-50
  • ไปทะเล: SPF 50+ PA++++
  • เล่นกีฬา: SPF 50+ กันน้ำ

โดยรวมแล้ว ควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวและสถานการณ์การใช้งานของคุณ และที่สำคัญคือการทาครีมกันแดดอย่างเพียงพอและทาซ้ำเป็นประจำ.

ฎีฐาวารี โพมิกราเนท ซุปเปอร์ โกลว์ สกิน ไวท์เทนนิ่ง บอดี้ โลชั่น

โลชั่นทับทิมดีอย่างไร

โลชั่นทับทิมมีหลายประโยชน์ที่เป็นไปได้ เนื่องจากทับทิมเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารและสารประกอบที่มีประโยชน์มากมาย ต่อไปนี้คือประโยชน์ที่โลชั่นทับทิมอาจมี:

  1. ป้องกันการเสื่อมของผิวหนัง: ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น วิตามิน C และวิตามิน E ซึ่งสามารถช่วยป้องกันผิวจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและมลภาวะ
  2. บำรุงผิวหนัง: น้ำมันทับทิม ซึ่งอาจมีอยู่ในโลชั่นทับทิม มีกรดไขมันที่ดีต่อผิว เช่น กรดพูนิคิค ที่ช่วยในการซ่อมแซมผิวหนังและลดการอักเสบ
  3. การชุบชีวิตผิวหนัง: สารประกอบในทับทิมสามารถช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความกระชับและเรียบเนียนของผิว
  4. ความชุ่มชื่น: โลชั่นที่มีน้ำมันทับทิมอาจช่วยให้ผิวนุ่มนวลและชุ่มชื่น
  5. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ: ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรซึ่งสามารถทำลายเซลล์ผิวและนำไปสู่ริ้วรอย ตีนกา และปัญหาผิวอื่นๆ สารต้านอนุมูลอิสระในโลชั่นทับทิมช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระเหล่านี้และช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์
  6. มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ: ทับทิมยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบและรอยแดงของผิว สิ่งนี้ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เป็นโรคผิวหนัง เช่น โรคเรื้อนกวาง หรือผิวแพ้ง่าย
  7. ให้ความชุ่มชื้น: ทับทิมเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซี ซึ่งเป็นสารสำคัญสำหรับผิวที่มีสุขภาพดี วิตามินซีช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  8. ปรับสีผิว: ทับทิมยังมีกรดเอลลาจิก ซึ่งเป็นสารที่ช่วยปรับสีผิวและลดรอยดำ รอยแผลเป็น และความหมองคล้ำ

อย่างไรก็ตาม สำคัญที่จะทราบว่าผลิตภัณฑ์โลชั่นทับทิมอาจแตกต่างกันไปตามแบรนด์และสูตรผลิตภัณฑ์ ดังนั้นควรตรวจสอบส่วนผสมและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ.

Top 11 เว็บรีวิวเครื่องสำอางจากผู้ใช้งานจริง มั่นใจ เลือกได้ครบครัน

Top 11 เว็บรีวิวเครื่องสำอางจากผู้ใช้งานจริง มั่นใจ เลือกได้ครบครัน

Top 11 เว็บรีวิวเครื่องสำอางจากผู้ใช้งานจริง มั่นใจ เลือกได้ครบครัน

ความสวยความงามเป็นเรื่องที่ผู้หญิงเราทุกคนให้ความสำคัญมาก ๆ ซึ่งการจะซื้อเมคอัพแต่ละชิ้นก็ต้องคิดให้ดีว่าใช้แล้วจะดีจริงไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า การที่จะรู้ได้ นอกจากซื้อมาใช้ ก็ต้องดูรีวิวตามเว็บต่าง ๆ นี่ล่ะค่ะ เพราะก็สามารถฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง ๆ มาก่อน ทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้นก่อนซื้อจริง ซึ่งเราได้รวบรวมเว็บรีวิวเครื่องสำอางมาฝากกัน

  1. Jeban

เว็บไซต์ที่ผู้หญิงหลายคนใช้เวลาในนี้เยอะมาก เพราะเขารวบรวมสารพัดข่าวสาร การรีวิวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ความสวยความงามเพื่อสาว ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งสาว ๆ สามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวการใช้งานเมคอัพต่าง ๆ กันได้ด้วยค่ะ
คลิก  > Jeban

  1. Vanilla

ต่อมาคือเว็บ Vanilla ที่รีวิวเครื่องสำอางจากผู้ใช้งานจริง ซึ่งจะมีการจัด ranking โหวตเรทของเครื่องสำอางชนิดต่าง ๆ ให้ผู้อยากลองใช้ได้พิจารณาและตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมี Scoop ข่าวสารเกี่ยวกับแวดวงเมคอัพ รวมถึง Editors’ Pick ที่ทางบก.จะเลือกสรรเมคอัพดี ๆ นำมาฝากกันด้วย
คลิก > Vanilla

  1. Pantip

Community Platform ที่ครอบคลุมทุกเรื่องราว ไว้สำหรับแลกเปลี่ยนมุมมองกันในหลาย ๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องรีวิวสินค้า ผลิตภัณฑ์และของสวย ๆ งาม ๆ อย่างเมคอัพเครื่องสำอาง ที่เปิดกว้างมาก ๆ
คลิก > Pantip

  1. Padie

มากันที่เพจเฟซบุ๊กกันบ้างค่ะ เป็นเพจของไอซ์ ภาวิดา หรือ icepadie เธอคือ beauty blogger คนดัง ที่ลีลาการรีวิวเครื่องสำอางที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเอกลักษณ์โดดเด่นที่สดใสมาก ๆ คัลเลอร์ฟูลสุด ๆ บอกเลยว่าเธอคนนี้นั้นมีอุปกรณ์ร้อยแปดพันเก้าอย่างมาแนะนำกันได้ตลอดจริง ๆ
คลิก > Icepadie

  1. Fah Sarika

ตามมาติด ๆ กับอีกหนึ่งสาว Beauty Blogger นั่นคือ ฟ้า ษริกา สารทศิลป์ศุภา สาวสวยหน้าคม ที่หันมานำ
เทรนด์รีวิวความสวยความงามสำหรับสาว ๆ โดยเฉพาะ เพื่อน ๆ อาจจะคุ้นเคยกับเธอในช่องยูทูบของเธอนั่นเอง ซึ่งเธอเองก็มีเพจให้ได้ติดตามด้วยเช่นกัน
คลิก > Fah Sarika

  1. MayyR

เมื่อ Icepadie มาแล้ว แล้วสาว MayyR หรือ หน่องเม จะพลาดได้ยังไงล่ะคะ นี่น่าจเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์สายกินที่แท้ทรู เธอคนนี้ที่เคยแต่งหน้า cover สาวยุนอาวง SNSD นั่นเอง หากใครเคยดูช่องแชแนลของเธอจะพบกับความเฮฮาและสดใสมากมาย แถมยังรีวิวสารพัดความสวยความงาม เรียกว่า ใช้จริง เจ็บจริง สวยจริง
คลิก > I’m Mayyr – Blog

  1. Pearypie

Beauty Blogger และ Makeup Artist ในตำนานก็ว่าได้ ต้องยกให้สาวคนนี้เลย แพรี่พาย อมตา จิตตะเสนีย์ ที่นอกจากการแต่งหน้าจะแซ่บถึงทรวงแล้ว การแต่งตัวนางก็ยังยกตำแหน่งแฟชั่นนิสต้าให้ไปเลย บอกเลยถ้าติดตามทุกแชนแนลของเธอคนนี้ สาว ๆ ไม่มีทางตกเทรนด์อย่างแน่นอน
คลิก > Pearypie: Make-up Artist/Theatrical Artist

  1. Wongnai Beauty

นอกจากเรื่องกิน เรื่องเที่ยวแล้ว Wongnai (วงใน) ยังมีอีกหนึ่งคอลัมน์ที่บูมและน่าสนใจมาก ๆ อย่าง Wongnai Beauty ที่จะมีแนะนำรีวิวเครื่องสำอาง ความสวยความงาม ชี้แหล่ง พิกัดให้สาว ๆ ได้ไปตำจะได้สวยตาม ๆ กันไป
คลิก > Wongnai Beauty

  1. The Passion

ใครที่เป็นสาวอินเทรนด์ ทุกอย่างต้องไม่ตกเทรนด์ ต้องยกให้เว็บ The Passion ไม่ว่าอะไรจะออกมาใหม่ ๆ หรือแฟชั่นจะแซ่บมากแค่ไหน เว็บไซต์นี้รวบรวมมาให้เราแล้วค่ะ ใครชอบการเป็นผู้นำ แฟชั่นนิสต้า เมคอัพ ต้องติดตามเว็บไซต์นี้ให้ดี ๆ เลย
คลิก > The Passion

  1. Cosmenet.in.th

เว็บไซต์ที่เราอาจจะคุ้นเคยกันมานานอย่าง Cosmemet เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมการรีวิวเมคอัพ การนำเสนอข่าวสาร บิวตี้เทรนด์ แบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงเว็บบอร์ดให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้แฟน ๆ เว็บไซต์ได้ร่วมกิจกรรมและลุ้นรับของรางวัลได้อีกด้วย
คลิก > Cosmenet.in.th

ทั้งหมดนี้คือ Top 10 เว็บรีวิวเครื่องสำอางจากผู้ใช้งานจริง ซึ่งใครสนใจเว็บไหน ชอบแบบไหน ก็สามารถไปติดตาม และดู พิจารณากันได้ก่อนที่จะเลือกซื้อหามาใช้กันน้า

  1. choicechecker.com

ปิดท้ายด้วยเว็บไซต์ที่เป็น Community สำหรับนักรีวิวที่ให้คุณได้รีวิวสกินแคร์ รีวิวอาหารเสริมได้ทุกอย่าง แถมยังได้คะแนนสะสมไว้แลกของอีกเพียบ

เว็บรีวิวเครื่องสำอาง เว็บรีวิวสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า รีวิวอาหารเสริม รีวิววิตามิน รีวิวครีมกันแดด รีวิวเจลแต้มสิว จากเภสัชกร นักวิทยาศาสตร์ โดยรวบรวมข้อมูล รีวิวสกินแคร์ รีวิวเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพที่สุด

คลิก > choicechecker.com

ทั้งหมดนี้คือ Top 11 เว็บรีวิวเครื่องสำอางจากผู้ใช้งานจริง ซึ่งใครสนใจเว็บไหน ชอบแบบไหน ก็สามารถไปติดตาม และดู พิจารณากันได้ก่อนที่จะเลือกซื้อหามาใช้กันน้า

สบู่สมุนไพร ฎีฐาวารี

สบู่สมุนไพร ใช้แล้วดีต่อร่างกายจริงหรือ?

ถ้าหากเราต้องการให้ผิวหน้าหรือผิวกายสะอาด ผลิตภัณฑ์ชำระล้างร่างกายที่เรานึกถึงคงหนีไม่พ้นสบู่ แต่เดี๋ยวนี้สบู่ก็มีออกมาเยอะเหลือเกินค่ะ และหากใครเป็นสายสุขภาพด้วยแล้วก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยมาก อย่างสบู่สมุนไพร ทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้

สบู่คืออะไร
        
สบู่เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดร่างกาย ที่ได้จากปฏิกิริยาของด่างกับไขมันจากพืชหรือไขมันจากสัตว์ กลีเซอรีน ( Glycerin ) หรือ กลีเซอรอล ( Glycerol ) เกิดจากกระบวนการไฮโดรไลซีส ( Hydrolysis ) ของน้ำมันจากพืชหรือไขมันจากสัตว์ โดยมีด่างเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาซึ่งเกิดพร้อมกันกับกระบวนการการเกิดเกล็ดสบู่ กลีเซอรีนเป็นสารที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีความหนืด และมีรสหวาน มีการศึกษาพบว่ากลีเซอรีนมีคุณประโยชน์ต่อผิว เพราะมีคุณสมบัติเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ช่วยให้ผิวนุ่มลื่น
            สบู่สมุนไพรคืออะไรล่ะ? สบู่สมุนไพรคือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย ที่มีส่วนผสมจากสารกัดที่ได้จากสมุนไพรธรรมชาติ โดยมีสัดส่วนของสารเคมีเพียงเล็กน้อย เพื่อใช้ในการทำปฏิกิริยาให้เกิดการขึ้นรูปและชะล้างคราบไคลหรือไขมันบนร่างกายของเรา โดยที่จะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง

สบู่สมุนไพร ฎีฐาวารี

สบู่สมุนไพรที่ได้จากไขมันทางธรรมชาติดีอย่างไร
         
สบู่ที่ได้จากไขมันทางธรรมชาติอย่างกลีเซอรีน จะไม่มีสารเคมีปนเปื้อนทำให้ไม่มีสารพิษตกค้างในร่างกายในระยะยาวและปลอดภัย โดยสบู่สมุนไพรที่เน้นคุณภาพจะใช้ไขมันจากพืชเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งจะมี
กลีเซอรีนเต็มทุกก้อน และเมื่อกลีเซอรีนธรรมชาตินำมาผสมกับสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ก็จะได้สบู่สมุนไพรที่หลากหลาย และให้คุณประโยชน์สูง ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับผิวของแต่ละคน นอกจากนี้ สบู่สมุนไพรจากกลีเซอรีนยังสามารถบำรุงผิวได้ดีอีกด้วย

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสบู่สมุนไพรที่ดีควรเป็นอย่างไร
1.ต้องใช้สมุนไพรจากธรรมชาติ 100% โดยไม่แต่งสีหรือกลิ่นเพิ่มเติม เพราะอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่นในผู้ที่ผิวหน้าหรือผิวกายที่แพ้ง่าย
2. ควรเป็นสบู่สมุนไพรที่ผลิตจากไขมันที่ได้จากพืชจะมีคุณภาพที่ดีกว่าไขมันจากสัตว์และจะได้กลีเซอรีนที่ดีมีคุณภาพสูงกว่าด้วย
3. สบู่สมุนไพรไม่ควรมีสาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และ SLES ( Sodium Laureth Sulfate ) แม้จะทำให้เกิดฟองมากและสามารถขจัดสิ่งสกปรกได้ แต่ก็เป็นอันตรายต่อผิวหนังอย่างยิ่ง ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือ งและหากสะสมเข้าสู่ร่างกายเป็นระยะเวลานานก็เป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้
4. ไม่ควรมีพาราเบน (Paraben) คือ สารกันบูด หรือ สารกันเสีย เป็นส่วนผสมในสบู่สมุนไพร ซึ่งพาราเบนจัดเป็นสารอันตรายชนิดหนึ่งที่เพิ่มอัตราความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เพราะร่างกายของเราสามารถดูดซึมสารชนิดนี้เข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว
5. สบู่สมุนไพรแท้จะมีฟองในระดับที่เหมาะสม มีความอ่อนโยนต่อผิว สามารถทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกายได้อย่างสะอาดหมดจด และล้างออกง่ายไม่ตกค้างบนผิว รวมถึงสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้แต่ผิวบอบบางแพ้ง่าย

สบู่สมุนไพร ฎีฐาวารี

สบู่สมุนไพรควรมีค่า PH ที่เท่าไหร่จึงจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
         
ค่า PH คือค่าที่ช่วยให้เราสามารถแยกความแตกต่างของกรดและด่างจากกันได้ จากที่อย.ประกาศเรื่องการกำหนดค่า pH ของสบู่สมุนไพรว่าควรอยู่ระหว่าง 8-11 หากเกินกว่านี้จะถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยสบู่สมุนไพรที่ดีควรมีค่า pH ประมาณ 8 มีความเป็นด่างอ่อนๆในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือทำลายชั้นไขมันของผิวและสามารถทำความสะอาดได้ดี             แน่นอนว่าหากเราต้องการสบู่สมุนไพรที่ดีและมีคุณภาพ เราก็ควรไปซื้อในแหล่งที่เชื่อถือได้ รู้ที่มาที่ไป สรรพคุณ รวมถึงจะต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวเรื่องดังกล่าวด้วย

สั่งซื้อผ่านช่องทาง Facebook Messenger ??Deetharvaree Natara

โทร. 095 963 2674.

สบู่โยเกิร์ต

6 ส่วนผสมที่นิยมนำมาทำสบู่สมุนไพร

เคยนึกสงสัยกันไหมคะ ว่าสมัยก่อนเวลาคนเราเจ็บป่วย หรือเป็นอะไรขึ้นมา พวกเขาดูแลตัวเองกันอย่างไร เมื่อเทียบกับสมัยนี้ที่มีเทคโนโลยี มียาปฏิชีวนะ พร้อมจะรักษาได้ตลอด คนสมัยใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านอย่าง “สมุนไพร” นำมาใช้ประโยชน์ ทั้งรักษาโรคและดูแลผิวพรรณ แต่ปัจจุบันนี้ นวัตกรรมที่ก้าวหน้าจึงมีการคิดนำเอาสมุนไพรมาทำเป็นเวชสำอางอย่าง “สบู่สมุนไพร” ที่มีสรรพคุณนอกเหนือจากการทำความสะอาดร่างกายแล้ว ยังช่วยบำบัดรักษาโรคทางผิวหนังบางอย่าง เรามาทำความรู้จัก 6 ส่วนผสมที่นิยมนำมาทำสบู่สมุนไพรกันค่ะ

1. ขมิ้นชัน
 
           ขมิ้นเป็นสมุนไพรที่นิยมเอามาทำสบู่สมุนไพร เพราะในขมิ้นชันมีสารกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่าคอร์คิวมินนอยด์ (curcuminoids) มีสรรพคุณที่ดีด้านผิวหนัง คือ มีฤทธิ์ต้านน้ำเหลืองเสีย ช่วยรักษาอาการผดผื่นคันตามร่างกาย ฆ่าเชื้อราซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังผิวหนังอย่างกลากและเกลื้อน

2. ไพล
         
ไพลอีกหนึ่งสมุนไพรที่นำมาทำสบู่สมุนไพร แล้วมีสรรพคุณทางการรักษาโรคผิวหนังได้ดี ในไพลมีสารกลุ่มเดียวกับที่พบในขมิ้นชันคือ เคอร์คิวมินนอยด์ (curcuminoids) ช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวขาว ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบ นอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่องของรักษาฝีตามร่างกายได้อีกด้วย

3. แตงกวา
            ถ้าพูดถึงการทำสบู่สมุนไพร แตงกวาคือสมุนไพรที่ไม่ควรลืม เพราะมีความโดดเด่นด้านผิวพรรณอย่างที่เราได้รู้ ๆ กันมาบ้าง แตงกวานั้นอุดมไปด้วยสารสำคัญหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพผิว และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติหรือ Natural Moisturizing Factors (NMFs) อีกทั้ง มีกรดอะมิโนซีสทีน (Cystine) และเมไธโอนีน (Methionine) ที่ช่วยทำให้เกิดความยืดหยุ่นแก่ผิว เพราะฉะนั้น หากเราใช้สบู่สมุนไพรที่มีส่วนผสมของแตงกวา ก็จะช่วยให้ผิวของชุ่มชื้นและไม่เกิดการเหี่ยวย่นได้ง่ายนั่นเอง

4. มังคุด
         
สบู่สมุนไพรที่มีส่วนผสมของมังคุด จะได้รับประโยชน์จากสารที่สกัดจากเปลือกมังคุดที่เรียกว่า สารกลุ่มพรีนิลเลท แซนโธน พบในส่วนที่เป็นน้ำยางสีเหลืองเขียวซึ่งอยู่ภายในท่อน้ำยางในเปลือกมังคุด ส่วนเปลือกด้านใน มีสีชมพูอมม่วง ส่วนนี้มีสารประกอบกลุ่มฟีนอลิค และ เปลือกมังคุดด้านนอกที่เป็นเนื้อแข็งสีม่วง มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งสารทั้งหมดนี้ มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระและมีประสิทธิภาพช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะช่วยให้สิวอุดตันบนใบหน้าลดลง และทำลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไปพร้อมกับกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน นั่นแปลว่าหากใครมีปัญหาผิวหน้าหรือผิวกายที่มีสิว สบู่สมุนไพรจากมังคุดเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก ๆ เลยค่ะ

5. มะขาม
         
ในสมัยก่อนคนโบราณมักจะเอามะขามมาถูตัว เพื่อให้ผิวเนียน ขาว พอกาลเวลาผ่านไป ก็มีวิวัฒนการที่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากก้อนมะขาม ก็เปลี่ยนมาเป็นสบู่สมุนไพร ที่ให้ทั้งกลิ่นที่หอมและใช้งานได้ง่าย สะดวกขึ้น แต่ยังคงสรรพคุณแบบเดียวกับสมัยโบราณ โดยมะขามมีสาร กรด AHA (Alpha hydroxyl acids) ในเนื้อมะขาม ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดเลือนริ้วรอย และกำจัดเอาเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกไป ระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ที่มีความขาวและเนียนนุ่มมากกว่า ทำหน้าที่ตรงเข้าผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกก่อนที่มันจะแปรสภาพไปเป็นขี้ไคล

6. ว่านหางจระเข้
         
ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณโดดเด่นเรื่องผิวพรรณอยู่แล้ว ดังนั้นการนำมาใช้ทำสบู่สมุนไพรจึงเป็นเรื่องที่ดี สารสำคัญในว่านหางจระเข้ ในการออกฤทธิ์สมานแผล คือ aloctin A และ aloctin B (1, 2) สารสำคัญในการออกฤทธิ์ลดการอักเสบ คือ aloctin A, veracylglucan B และ C และ bradykininase (3-11) มีสรรพคุณ ต่อผิว คือ ช่วยแก้อาการแพ้ และรักษาโรคผิวหนัง หากใครมีอาการแพ้ เป็นผื่นคัน เหมาะมากที่จะนำไปใช้เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผิวหนัง

สบู่น้ำผึ้ง

7. น้ำผึ้งป่า
         
ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งผิวขาวกระจ่างใส ชะลอการเกิดริ้วรอย ขจัดไขมันอุดตันช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำลาย รักษาผิวที่บอบบาง

สบู่อัลมอนด์

8. อัลมอนด์
         
ให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ผิวเรียบเนียนกระชับ นอกจากนี้โปรตีนของเมล็ดอัลมอนด์มีสรรพคุณที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นปรับผิวขาว ขจัดขี้ไคลหมดจด

สบู่มะพร้าว

9. น้ำมันมะพร้าว
         
ทำให้ผิวชุ่มชื้น ขาวเนียนใส ไม่แห้งกร้าน กระชับเซลล์ ผิวป้องกันผดผื่นคัน ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียช่วยทำความสะอาดผิว บำรุงผิว ช่วยลดความมัน

สบู่โยเกิร์ต

10. โยเกิร์ต
         
ด้วยส่วนผสมของกลูต้าไธโอน ช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ และโยเกิร์ต ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น น่าสัมผัส ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำที่เกิดจากแสงแดดและมลพิษต่างๆ

            ทั้งหมดนี้คือส่วนผสมที่เหมาะนำมาทำสบู่สมุนไพรที่เรานำมาฝากกันค่ะ สำหรับใครที่มีปัญหาด้านผิวหนัง ลองไปเลือกและหาซื้อมาใช้กันดูนะคะ

สั่งซื้อผ่านช่องทาง Facebook Messenger ??Deetharvaree Natara

โทร. 095 963 2674.

สบู่สมุนไพร ฎีฐาวารี

ข้อควรรู้เกี่ยวกับสบู่สมุนไพร

สบู่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็นไว้สำหรับชำระล้างร่างกายให้สะอาด ที่ได้จากการทำปฏิกิริยาของด่างกับไขมันจากพืชหรือสัตว์ ซึ่งเดี๋ยวนี้สบู่มีการใช้ส่วนผสมชนิดต่าง ๆ กัน เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ให้มีลักษณะพิเศษ ตรงตามความต้องการใช้งานที่หลากหลายขึ้นมีทั้งสบู่ที่มีลักษณะก้อน และสบู่เหลว และหากใครที่กังวลใจเรื่องสารเคมีตกค้าง ถ้าใช้ไปนาน ๆ จะเกิดอันตรายหรือไม่ ก็มีทางเลือกใหม่อย่าง สบู่สมุนไพร ที่ความอันตรายและการตกค้างของสารเคมีที่รุนแรงจะมีน้อยลง

สบู่สมุนไพร ฎีฐาวารี

การเลือกใช้สมุนไพรกับสบู่
            หากคิดจะทำสบู่สมุนไพร การเลือกใช้สมุนไพรกับสบู่ จะนิยมเลือกสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาที่ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยมีงานวิจัย ทดลองนำสมุนไพรมาใช้ในทางการแพทย์ พบว่าไม่เป็นพิษต่อสัตว์ทดลอง เช่น สาร Tannin ในใบมะขามและเปลือกมังคุด มีฤทธิ์ในการยับยั้งแบคทีเรียบนผิวหนัง และฆ่าเชื้อราซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคผิวหนัง ดังนั้น การเลือกใช้พืชสมุนไพรเพื่อนำมาทำเป็นสบู่สมุนไพร นิยมเลือกใช้ตามสรรพคุณทางยา โดยดูจากสรรพคุณของสมุนไพรจากตำราหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งสารสกัดที่ได้จากสมุนไพรในธรรมชาติมีความปลอดภัยมากกว่ายาหรือสารสังเคราะห์ทางเคมี มีพิษตกค้างในสัตว์ทดลองน้อย อัตราการสลายตัวของสารเคมีที่มีในพืชสมุนไพรสลายตัวได้ดีกว่าสารเคมี

ควรเลือกใช้สบู่สมุนไพรให้เหมาะสมกับสภาพผิว
         
เราควรเลือกใช้สบู่ให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง เช่น ผิวแห้งจะมีสภาพแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น สังเกตได้หลังจากล้างหน้าหรือหลังอาบน้ำ ผิวจะแห้งดึง สบู่ที่เหมาะต้องเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น สบู่ แตงกวา น้ำผึ้ง ฯลฯ สำหรับผิวมัน จะมีน้ำมันส่วนเกินมากเนื่องจากรูขุมขนกว้าง ต้องใช้สบู่ที่ช่วยลดความมัน ลดเชื้อแบคทีเรีย เช่น สบู่กระเจี๊ยบ ฟ้าทะลายโจร ฯลฯ ส่วนคนที่โชคดีที่สุด เห็นจะเป็นคนผิวธรรมดา ที่สามารถใช้สบู่สมุนไพรได้กับทุกประเภทผิวเลย

สบู่สมุนไพรกับการแก้ปัญหาผิวพรรณ
         
ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวอย่างไร แต่จำไว้เสมอว่าทุกคนล้วนมีปัญหาเรื่องผิวพรรณ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนั้นจะมีปัญหามากหรือน้อยกว่ากัน ดังนั้นการดูแลและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวพรรณ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และพิจารณาให้มาก ๆ ซึ่งสิ่งที่สามารถช่วยแก้ไขหรือลดปัญหานั้นได้ คือการเลือกใช้อย่างเหมาะสมในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หากคุณมีปัญหาผิวหนังหนัง ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดสิวได้มากกว่าคนที่ผิวประเภท
อื่น ๆ จึงควรต้องใช้สบู่ที่ช่วยลดความมัน ลดเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิว ผด ผื่นคันต่าง ๆ เช่น สบู่สมุนไพรขมิ้นชัน ส้ม มะขาม ฟ้าทะลายโจร บัวบก เป็นต้น แน่นอนว่าในคนที่มีปัญหาผิวประเภทอื่น ๆ การดูแลและเลือกใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวก็แตกต่างกันด้วยเช่นกัน

สบู่สมุนไพรกับประโยชน์ 3 อย่าง
         
ถ้าพูดถึงคุณประโยชน์สบู่สมุนไพร หลัก ๆ ที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน มี 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ (1) ชำระล้าง ทำความสะอาดร่างกาย (2) แก้ปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ และ (3) บำรุงผิวพรรณ สบู่สมุนไพรได้รับคุณค่าโดยตรงจากธรรมชาติ มีองค์ประกอบของสมุนไพรในเนื้อสบู่อยู่หลายสูตรด้วยกัน และแต่ละสูตรก็มีสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไป ล้วนแล้วแต่มาจากตำรับการบำรุงผิวที่ใช้กันมาแต่โบราณ เมื่อนำสมุนไพรแท้เหล่านั้นมาผลิตในรูปแบบของสบู่สมุนไพรก็เท่ากับว่าเราสามารถบำรุงผิวด้วยตำรับและวิธีโบราณดั้งเดิมอย่างไม่ยุ่งยากมีความปลอดภัยสูง

สบู่สมุนไพรสามารถนำไปสระผมได้
         
สบู่สมุนไพรที่สามารถนำไปสระผมได้ ที่นิยมกันมากจะเป็นสบู่สมุนไพรที่สกัดจากมะกรูด 100% เนื่องจากผิวมะกรูด จะมีสารซิโตรเนลลา ( Citronellal ) จะอยู่ในส่วนของน้ำมันจากผิวมะกรูด มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา จึงสามารถลดอาการคันหนังศีรษะ ขจัดรังแค น้ำมันมะกรูดที่มีในผิวมะกรูดจะไปซ่อมชั้นเคอราตินให้ผมเงางาม ผมนุ่มลื่น ผมมีน้ำหนัก แก้ผมแตกปลายและช่วยบำรุงให้เส้นผมดกดำ เร่งผมยาว ทำให้ผมหงอกช้าและลดความมันบนหนังศรีษะ บำรุงหนังศรีษะและรากผม ป้องกันผมร่วงได้

            เมื่อได้ศึกษาและทำความเข้าใจถึงประโยชน์ สรรพคุณและเงื่อนไขข้อจำกัดของสบู่สมุนไพร จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง โดยจะลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเราเอง

สั่งซื้อผ่านช่องทาง Facebook Messenger ??Deetharvaree Natara

โทร. 095 963 2674.